ความปลอดภัยในเรื่องยา
ความปลอดภัยในการใช้ยา
ยาเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ยาสามารถช่วยในการป้องกันและรักษาโรคได้
ขณะเดียวกัน ยาก็มีอันตรายต่อสุขภาพและชีวิต ถ้าเราไม่รู้จักวิธีการใช้ที่ถูกต้อง
ดังคำกล่าวที่ว่า “ยามีคุณอนันต์ แต่มีโทษมหันต์”
ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช 2522 ได้ให้ความหมายว่า “ยา” หมายถึง
สารที่ใช้ในการวิเคราะห์ บำบัดรักษา ป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์และสัตว์
รวมทั้งใช้บำรุง และเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วย
พระราชบัญญัติยาฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2522 ได้จำแนกประเภทของยา
เป็น 5 ประเภท คือ
1) ยาแผนปัจจุบัน หมายถึง ยาที่ใช้รักษาโรคแผนปัจจุบันทั้งในคนและสัตว์ เช่น
ยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ เป็นต้น
2) ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาที่ใช้รักษาโรคแผนโบราณทั้งในคนและสัตว์
ยาชนิดนี้จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนโบราณอย่างถูกต้อง เช่น
ยามหานิลแท่งทอง ยาธาตุบรรจบ ยาเทพมงคล ยาเขียวหอม เป็นต้น
3) ยาอันตราย หมายถึง ยาที่ต้องควบคุมการใช้เป็นพิเศษ เพราะหากใช้ยาประเภทนี้
ไม่ถูกต้อง อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่น ยาปฏิชีวนะชนิดต่างๆ ยาจำพวก
ลดความดันเลือด ยาจำพวกแก้คลื่นเหียนอาเจียน เป็นต้น
4) ยาสามัญประจำบ้าน หมายถึง ยาทั้งที่เป็นแผนปัจจุบัน และแผนโบราณ ซึ่งกำหนด
ไว้ในพระราชบัญญัติยาว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาธาตุน้ำแดง ยาขับลม ยาเม็ด
ซัลฟากัวนิดีน ยาระบายแมกนีเซีย ดีเกลือ ยาเม็ดพาราเซตามอล เป็นต้น
5) ยาสมุนไพร หมายถึง ยาที่ได้จากพืช สัตว์ หรือแร่ ซึ่งยังไม่ได้นำมาผสม หรือ
เปลี่ยนสภาพ เช่น ว่านหางจระเข้ กระเทียม มะขาม มะเกลือ นอแรด เขี้ยวเสือ
ดีงูเหลือม ดีเกลือ สารส้ม จุนสี เป็นต้น
นอกจากยาทั้ง 5 ประเภทที่กล่าวมาแล้ว ยังมียาที่ใช้ภายนอก สำหรับใช้
ภายนอก ยาใช้เฉพาะที่ สำหรับใช้เฉพาะที่กับผิวหนัง หู ตา จมูก ปาก ทวารหนัก
ช่องคลอด หรือท่อปัสสาวะ และยาบรรจุเสร็จ คือยาแผนปัจจุบันที่ผลิตขึ้นเสร็จในรูป
ต่างๆ และมีฉลากครบถ้วนตามกฎหมาย ยาควบคุมพิเศษ เป็นยาที่มีอันตรายมาก
ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้ถูกวิธีหรือไม่ ดังนั้น การใช้ยากประเภทนี้จึงต้องอยู่ในความควบคุม
ของแพทย์ และแพทย์จะใช้ยาประเภทนี้ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ยาชุด
หมายถึง ยาที่ผู้ขายจัดรวมไว้เป็นชุดให้กับผู้ซื้อ สำหรับให้กินครั้งละ 1 ชุดรวมกันหมด
โดยไม่แยกว่าเป็นยาชนิดใด ควรจะกินเวลาไหน โดยทั่วไปมักจะมียาตั้งแต่ 3 - 5 เม็ด
หรืออาจมากกว่า และอาจจัดรวมยาชุดไว้ในซองพลาสติกเล็กๆ พิมพ์ฉลากบ่งบอก
สรรพคุณไว้ด้วย
2. ประเภทและวิธีการใช้ยาสามัญประจำบ้าน
ยาสามัญประจำบ้านทั้งยารับประทานและยาใช้ภายนอก มีดังนี้
2. ประเภทยาใช้ภายนอก
ชื่อยา |
ใช้รักษาโรค / การเจ็บป่วย |
ขนาด / ปริมาณที่ใช้ |
ข้อควรระวัง
|
แก้ปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อในเด็ก |
ใช้สำลีชุบทาบาง ๆ ที่หน้าท้องวันละ 2-3 ครั้ง |
||
แก้หวัด คัดจมูก เจ็บคอ |
ใช้สำลีชุบสูดดม หรือทาคอ |
||
แก้หวัด คัดจมูก เจ็บคอ |
ใช้สูดดม ทาคอ หรือทาบริเวณหน้าอก |
||
แก้อาการคออักเสบและเจ็บคอในเด็ก |
ผสมน้ำสะอาดเท่าตัว กวาดคอเด็กวันละ 1-2 ครั้ง |
||
ระงับอาการปวดฟัน |
ใช้ไม้พันสำลีจุ่มยามาจิ้มบริเวณที่ปวดฟัน |
ระวังอย่าให้ถูกเหงือกและลิ้น หรือบริเวณเยื่อบุกระพุ้งแก้ม เพราะจำทำให้เป็นแผลได้ |
|
แก้วิงเวียน หน้ามือ แก้แมลงกัดต่อย หรือถูกพืชที่มีพิษ |
|||
ใช้รักษาโรคหิด |
ทาบริเวณที่เป็นหิด วันละ 2-3 ครั้ง |
||
ใช้รักษาแผลสดหรือแผลเรื้อรัง |
ใช้ทาบางๆ บริเวณแผล |
||
ใช้แก้ปวดบวม อักเสบ และเคล็ดขัดยอก |
ใช้ทาบริเวณที่ปวดบวมหรือบริเวณที่อักเสบ |
||
ใช้ทาแก้ผดผื่นคัน |
ทาบริเวณที่มีผื่นคันจากทุกสาเหตุ |
||
ใช้รักษากลาก เกลื้อน |
ทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน วันละ 2-3 ครั้ง |
||
ใช้รักษาหิด และกำจัดเหาและโลน |
ใช้รักษาหิด อาบน้ำให้สะอาด ใช้ผ้าหรืแปรงอ่อนๆ ถูตรงผื่นคัน แล้วใช้ยานี้ทาให้ทั่ว ยกเว้นคอและศีรษะ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วจึงอาบน้ำ วันรุ่งขึ้นทำซ้ำอีกครั้ง เช่นเดียวกัน ใช้กำจัดเหาและโลน ใส่ยานี้ให้ระวังอย่าให้ยาเข้าตา |
||
ใช้รักษาแผลสด และเกลื่อนฝี (ป้ายที่เริ่มเป็น) |
ใช้สำลีที่สะอาดชุบยาทาบริเวณแผลหรือบริเวณที่เป็นฝี |
||
ใช้เช่นเดียวกับทิงเจอร์ไอโอดีน แต่ยาแดงออกฤทธิ์ช้ากว่าทิงเจอร์ไอโอดีน แต่ฤทธิ์ของยาอยู่ได้นานกว่า |
|||
ใช้รักษาแผลเรื้อรัง และแผลที่เป็นหนอง |
ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำต้มสุกสะอาด แล้วใช้สำลีที่สะอาดชุบยาเหลือง ทาบริเวณแผลวันละ 2-3 ครั้ง |
||
ใช้ล้างแผล ฆ่าเชื้อโรค และใช้แช่ผักสด ผลไม้ ก่อนรับประทานดิบๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค และพยาธิในผัก ผลไม้ |
ใช้ละลายในน้ำสุกจนเป็นสีบานเย็นอ่อนๆ แล้วใช้ล้างแผลหรือใช้แช่ผักสดและผลไม้ |
3. หลักการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัย
ยาที่เรานำมาใช้มีอยู่หลายชนิด บางชนิดเราอาจหาซื้อเองได้ แต่บางชนิด
ต้องซื้อตามใบสั่งของแพทย์เท่านั้น เพราะยาเหล่านี้เป็นยาอันตราย ดังนั้นก่อน
ใช้ยา เราจึงควรทราบหลักการใช้ยาให้ถูกต้องดังนี้ี้
1) ก่อนใช้ยาทุกครั้ง ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจ อ่านให้ละเอียด และปฏิบัติตาม
อย่างเคร่งครัด
2) ใช้ยาให้ตรงกับโรค โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ เพราะจะทำให้
ไม่เป็นอันตราย
3) ใช้ยาให้ถูกวิธี เช่น ไม่แกะผงยาที่อยู่ในแคปซูลมาโรยแผล ยาชนิดที่ใช้ทา
ห้ามนำมารับประทาน เป็นต้น
4) ใช้ยาให้ถูกกับบุคคล ควรใช้ยาให้ถูกกับสภาพของบุคคล เพราะร่างกายของ
แต่ละคน ไม่เหมือนกัน เช่น ยาที่ให้เด็กกิน ต้องมีปริมาณไม่เท่ากับผู้ใหญ่
ยาบางชนิดไม่ควรให้หญิงมีครรภ์กิน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้
5) ใช้ยาให้ถูกขนาด ควรใช้ยาตามขนาดที่แพทย์หรือเภสัชกรกำหนดไว้
เพราะถ้าใช้เกินขนาด อาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือถ้าใช้น้อยไป
อาจจะทำให้การรักษาโรคไม่ได้ผลดี
6) ใช้ยาให้ถูกเวลา ยาแต่ละชนิดจะกำหนดระยะเวลาที่ใช้ไว้ ดังนี้
ยาก่อนอาหาร ให้กินก่อนอาหาร 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยา
ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี
ถ้าลืมกินยาในระยะเวลาที่กำหนด ให้กินทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้เวลากินยา
ครั้งต่อไปก็รอกินยาในมือต่อไปในขนาดปกติ
ขอขอบคุณ >>> http://trangis.com/