ยินดีต้อนรับ โรงพยาบาลศรีธาตุเป็นองค์กรชั้นนำแห่งการเรียน ให้บริการสุขภาพแบบองค์รวม ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยชุมชนมีส่วนร่วม

ขตสุขภาพที่ 3” ตั้งเป้าลดเวลารอคอยรักษา 4 โรค ช่วยประชาชนเข้าถึงบริการรักษาเร็วขึ้น

 เขตสุขภาพที่ 3 พัฒนาระบบบริการลดการรอคอยรักษาใน 4 โรค ตาต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม มะเร็ง และหัวใจ เพิ่มการเข้าถึงบริการ พัฒนาโรงพยาบาลให้มีศักยภาพรักษาโรคหัวใจ ฉายรังสี ลดการรักษาผู้ป่วยข้ามเขต

          วันนี้(23 กรกฎาคม 2558) ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์  จ.นครสวรรค์ นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตบริการสุขภาพที่ 3 และคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการจัดบริการแบบเขตสุขภาพ  โดยนายแพทย์สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เขตบริการสุขภาพที่ 3 ได้ทำแผนลดระยะเวลารอคอยการรักษาผู้ป่วย 4 โรค ที่เป็นปัญหาในเขต คือ 1.ตาต้อกระจก (Blinding Cataract) โดย รพ.สวรรค์ประชารักษ์ รพ.อุทัยธานี และรพ.ชัยนาท จัดทีมผ่าตัดนอกเวลาราชการ และเปิดห้องผ่าตัดตาเพิ่มจากเดิม 2.ผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อม(Retinopathy)เขต 3  มี 92,933 คนได้รับการตรวจจอประสาทตา จำนวน 57,639 คน คิดเป็นร้อยละ62.02 และทุกคนได้รับการรักษาภายใน 30 วัน 3.ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รอการรักษาด้วยรังสี ปัจจุบันเขตสุขภาพที่ 3 ยังไม่มีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบรังสีรักษาได้ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มี 2,642 คน ต้องได้รับการรักษาด้วยรังสีรักษา 577 คน   ได้ส่งต่อรักษายังสถานบริการนอกเขต ในปี 2559 จะเปิดให้บริการรักษาด้วยรังสี ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์   เพื่อลดการส่งต่อนอกเขต  4.ผู้ป่วยผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจ ปัจจุบันเขตสุขภาพที่ 3 ยังไม่มีโรงพยาบาล  ที่มีศักยภาพให้การรักษาผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจได้ ข้อมูล ณ  30 พฤษภาคม 2558 มีผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ 6,334 คน ลิ้นหัวใจ 1,072 คน ต้องส่งไปยังสถานบริการนอกเขต และส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยต้องลำบาก  ในการเดินทาง และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย โดยจะพัฒนาโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ให้มีศักยภาพเทียบเท่า ศูนย์โรคหัวใจ เพื่อลดการส่งต่อและระยะเวลารอคอย

          นายแพทย์สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเขตบริการสุขภาพเพื่อกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่พื้นที่โดยในระยะแรกกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแผนการพัฒนาใน 10 สาขาหลัก ที่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งได้รับการยอมรับทั้งจากองค์การอนามัยโลก รวมทั้งหน่วยงานในประเทศ ที่ให้มีการสร้างกลไกการจัดการสุขภาพ ในเขตแทนการกระจุกตัวในส่วนกลาง โดยแผนระบบบริการสุขภาพ คำนึงถึงขนาดประชากรที่เหมาะสมเขตละ 3-5 ล้านคน จัดบริการแบบเบ็ดเสร็จในตัวเองบริหารจัดการร่วมเป็นเครือข่ายเดียวกันแบบมีส่วนร่วมในเครือข่าย อย่างไร้รอยต่อการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งเครื่องมือแพทย์ ห้องผ่าตัด แพทย์

          สำหรับ เขตสุขภาพที่ 3 มี 5 จังหวัดประกอบด้วยจังหวัด กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท และนครสวรรค์ ดูแลประชาชน 3,012,592 คน มีโรงพยาบาลศูนย์ 1 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป 4 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 49 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 581 และศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 12 แห่ง

                                    

แหล่งข่าวโดย »สำนักสารนิเทศ

ครม.อนุมัติให้สาธารณสุขจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนต่อได้ มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. 57

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนต่อเนื่องตามหลักเกณฑ์เดิมย้อนหลังตั้งแต่ 1ตุลาคม 2557 เป็นต้นไปสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะรัชตะนาวินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขจ่ายค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขเดิมที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เคยมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 26 มีนาคม2556 และ 31 มีนาคม 2556 และสิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายน 2557 มี 2 ส่วนคือค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายและค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานโดยให้เบิกจ่ายย้อนหลังได้ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2557 เป็นต้นไปเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องไม่ขาดตอนและสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะกล่าวต่อว่ากระทรวงสาธารณสุขได้นำมาตรการการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายมาใช้ร่วมกับอีกหลายมาตรการเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังคนและสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลทุกระดับโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลช่วยให้สามารถกระจายกำลังคนในสาขาขาดแคลนไปปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชนเพิ่มมากขึ้นซึ่งในการเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ปฏิบัติงานทุ่มเทการทำงานให้กับหน่วยงานอย่างเต็มที่จึงจะสามารถเบิกจ่ายได้

ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ชุณหรัศมิ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนดังกล่าว  กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับกระบวนการบริหารจัดการและการควบคุมภายในมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพการจัดบริการสุขภาพให้กับประชาชนดังนั้นการเสนอขออนุมัติครม. ให้จ่ายค่าตอบแทนตามมติครม.เดิมที่ได้อนุมัติไว้แล้วเป็นหลักการที่สามารถดำเนินการต่อไปได้และได้มีการประเมินผลเบื้องต้นแล้วพบว่าสามารถพัฒนาต่อยอดได้โดยการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายเป็นค่าตอบแทนที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เกิดการกระจายกำลังคนให้เพียงพอส่วนค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานจะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการได้

ด้านนายแพทย์อำนวยกาจีนะรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าขณะนี้ได้ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดประกาศหลักเกณฑ์การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายและค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานพร้อมลงนามเวียนให้ทุกหน่วยทราบและใช้ประกอบการเบิกค่าตอบแทนเมื่อได้รับแจ้งมติครม. ต่อไป

สำหรับงบประมาณสำหรับค่าตอบแทนทั้งสองประเภทในปี 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น3,000 ล้านบาทนั้นขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ได้โอนจัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้กับหน่วยบริการในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขแล้วเป็นไปตามข้อเสนอของสธ. ที่กำหนดสัดส่วนการจัดสรรเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะที่ห่างไกลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลก่อนสำหรับโรงพยาบาลขนาดขนาดใหญ่และอยู่ในพื้นที่ปกติจะได้รับจัดสรรลดหลั่นลงไปส่วนที่เหลือจะเป็นการเบิกจากเงินบำรุงของหน่วยบริการ

   *****************************  24  กรกาคม 2558

แหล่งข่าวโดย » สำนักสารนิเทศ
paw patrol videos
mybelmont
myvikingjourney
loserfruit
paula patton instagram
encore beach club
tb2k
youtube izlenme satın al
youtube izlenme
Şerit led