รมว.สธ.เร่งขยายหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ป้องกันโรคทุกพื้นที่ทั่วไทย

 
   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งขยายหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ครอบคลุมทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ให้ อสม.เป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ ดึงความร่วมมือภาครัฐ เอกชน องค์กรด้านสุขภาพ พร้อมผลักดันเป็นนโยบายระดับชาติ เพิ่มความเข้มแข็งการป้องกั นโรคอย่างยั่งยืน
          บ่ายวันนี้ (9 กันยายน 2558) ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและคณะ ตรวจเยี่ยมกรมสนับสนุนบริการสุ ขภาพ รับฟังผลการดำเนินงาน และมอบนโยบายการทำงานแก่ผู้บริ หารจากส่วนกลาง และภูมิภาค
          ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า จากการรับฟังการดำเนิ นงานของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประเด็นที่น่าสนใจและจะผลักดันให้ขยายผลทั่วประเทศ คือ “หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุ ขภาพ ลดโรค มะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด” ซึ่งผลงาน 6 ปี พัฒนาสำเร็จแล้วกว่า 1,500 หมู่บ้านทั่วประเทศ ขณะนี้มีจั งหวัดที่มีหมู่บ้านปรับเปลี่ ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ 2 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ดและสุราษฎร์ธานี ซึ่ งกระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนหลักในการให้ความรู้และขั้นตอนการพัฒนาเป็นหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เน้นหลัก 3 อ. 2 ส. ได้แก่ อ. อาหาร ต้องมีแหล่งเรียนรู้การปลูกอาหารและผลิตอาหารในหมู่บ้าน อ.ออกกำลังกาย มีพื้นที่ให้คนในหมู่บ้านออกกำลังกายร่วมกัน อ.อารมณ์ ปรับเปลี่ยนทัศนคติเชิงบวก ส่วน 2 ส. คือ ลดการสูบหรี่ และสุรา โดยเริ่มที่จากงานสังสรรค์ในหมู่บ้าน ปลอดสูบบุหรี่และสุรา โดยบูรณาการความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องทั้งภาครัฐและเอกชน ภาคประชาชน องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ องค์กรด้านสุขภาพในพื้นที่ หากดำเนินการได้ทุกพื้นที่ เพิ่ มความเข้มแข็งในการป้องกั นโรคอย่างยั่งยืนของประชาชน จะทำ ให้สุขภาพประชาชนดีขึ้น ลดป่วย ลดโรคได้อย่างแน่นอน
          ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า  ในการขยายหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพนี้   อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นับเป็นพลังด้านสุขภาพที่สำคัญระดับประเทศ เป็นกลไกหลักในภาคประชาชนที่จะขับเคลื่อนหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้สำเร็จ งานจะขยายก้าวกระโดดรวดเร็วจนครบทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ เป็นความท้ายทายที่ต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว และอาจผลักดันเป็นนโยบายการขับเคลื่อนในระดับชาติต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะฟื้นฟูงานของศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยบริการย่อยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ซึ่งขณะนี้ได้ลดจำนวนลงมาก ดำเนินการในพื้นที่สูง รวมทั้ง 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้การดูแลสุขภาพเบื้องต้ นแก่ประชาชนที่ใกล้ที่สุด
 
แหล่งข่าวโดย » สำนักสารนิเทศ